พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
ฌานที่มีสัญญาเป็นฐานของการวิปัสสนาญาณ
ฌานที่มีสัญญา เป็นฐานของการวิปัสสนาญาณ
ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย
เพราะอาศัย ปฐมฌานบ้าง เพราะอาศัย ทุติยฌานบ้าง เพราะอาศัย ตติยฌานบ้าง เพราะอาศัย จตุตถฌานบ้าง เพราะอาศัย อากาสนัญจายตนบ้าง เพราะอาศัย เนวสัญญานาสัญญายตนบ้าง.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๙๑๑
(ภาษาไทย) นวก. อํ. ๒๓/๓๔๑/๒๔๐. : คลิกดูพระสูตร
สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง หรือว่าญาณเกิดก่อน สัญญาเกิดทีหลัง หรือทั้งสัญญาและญาณเกิดไม่ก่อนไม่หลังกัน. พระเจ้าข้า ? ”
ดูกรโปฏฐปาทะ ! สัญญาแลเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้นญาณจึงเกิดขึ้น เธอย่อมรู้อย่างนี้ว่า ญาณเกิดขึ้นแก่เราเพราะสัญญานี้เป็นปัจจัย
ดูกรโปฏฐปาทะ ! เธอพึงทราบความข้อนี้โดยบรรยายนี้ว่า สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้น ฌาณจึงเกิดขึ้น.
(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๒๖๘/๒๘๘. : คลิกดูพระสูตร
ญาณมีได้เฉพาะผู้มีจิตตั้งมั่นในสมาธิ
ภิกษุทั้งหลาย ! ในบรรดาตถาคตพลญาณ ๖ ประการนี้
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในสิ่งซึ่งฐานะโดยความเป็นฐานะ และสิ่งซึ่งอฐานะโดยความเป็นอฐานะ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในสิ่งซึ่งเป็นวิบากโดยฐานะเป็นเหตุ ของกัมสมาทาน อันเป็นอดีต อนาคตและปัจจุบันว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว ความออกแห่งฌาน วิโมกข์สมาธิ และสมาบัติ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในปุพเพนิวาสานุสติ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในการจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในการสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น
ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยอาการอย่างนี้แล สมาธิเป็นมรรค(แท้) ส่วนอสมาธิเป็นมรรคลวง (ภิกฺขเว สมาธิ มคฺโค อสมาธิ กุมฺมคฺโคติ)
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๑๓๔๙
(ภาษาไทย) ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๗๐/๓๓๕. : คลิกดูพระสูตร
ญาณทัสสนะเกิด เมื่อไม่ประมาท
ญาณทัสสนะเกิด เมื่อไม่ประมาท
ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ กุลบุตรบางคน มีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน เพราะคิดเห็นว่า “เราเป็นผู้ถูก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นคนตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์อยู่เฉพาะหน้าแล้ว ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะปรากฏมีได้” ดังนี้. ครั้นบวชแล้ว
เธอสามารถทำลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้นได้ … ไม่ถึงความประมาทในลาภสักการะและเสียงเยินยอนั้น เมื่อไม่ประมาทแล้ว
เธอให้ถึงความพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นได้ … ไม่ถึงความประมาทในความพร้อมด้วยศีลนั้นเมื่อไม่ประมาทแล้ว
เธอให้ถึงความพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นได้ … ไม่ถึงความประมาทในความพร้อมด้วยสมาธินั้น เมื่อไม่ประมาทแล้ว
เธอให้ญาณทัสสนะ (ปัญญาเครื่องรู้เห็น) เกิดขึ้นได้ …ไม่ถึงความประมาทในญาณทัสสนะ นั้น เมื่อไม่ประมาทแล้ว
เธอให้ สมยวิโมกข์(ความพ้นวิเศษโดยสมัย) เกิดขึ้นได้อีก.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๔๘๗
(ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒/๒๖๑/๓๕๑. : คลิกดูพระสูตร