ยุวพุทธิกสมาคม ครั้งที่ 2 track 11
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง 10 ปทุมธานี
ดาวน์โหลด mp3 : คลิกที่นี่
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
หมด “อาหาร” ก็นิพพาน
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าไม่มีราคะ ไม่มีนันทิ ไม่มีตัณหา ใน อาหารคือคำข้าว ก็ดี
ใน อาหารคือผัสสะก็ดี ใน อาหารคือมโนสัญเจตนา ก็ดี ใน อาหารคือวิญญาณ ก็ดี แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในสิ่งนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด, การก้าวลงแห่งนามรูปย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด,ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด, การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไปไม่มีในที่ใด, ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ชาติชราและมรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย !เราเรียก “ที่” นั้นว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.
ภิกษุทั้งหลาย ! เปรียบเหมือนเรือนยอดหรือศาลาเรือนยอด
ที่ตั้งอยู่ทางทิศเหนือหรือใต้ก็ตาม เป็นเรือนมีหน้าต่างทางทิศตะวันออก. ครั้นดวงอาทิตย์ขึ้นมา
แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์ส่องเข้าไปทางช่องหน้าต่างแล้วจักตั้งอยู่ที่ส่วนไหนแห่งเรือนนั้นเล่า ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์จักปรากฏที่ฝาเรือนข้างในด้านทิศตะวันตก พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าฝาเรือนทางทิศตะวันตกไม่มีเล่า แสงแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏอยู่ที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้นจักปรากฏที่พื้นดิน พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าพื้นดินไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหน ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้นจักปรากฏในน้ำพระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ถ้าน้ำไม่มีเล่า แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้น จักปรากฏที่ไหนอีก ?
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! แสงสว่างแห่งดวงอาทิตย์นั้นย่อมเป็นสิ่งที่ไม่ปรากฏแล้ว พระเจ้าข้า !”.
ภิกษุทั้งหลาย ! ฉันใดก็ฉันนั้นแล :
ถ้าไม่มีราคะ ไม่มีนันทิ ไม่มีตัณหา ในอาหารคือคำข้าวก็ดี ในอาหารคือผัสสะก็ดี
ในอาหารคือมโนสัญเจตนาก็ดี ในอาหารคือวิญญาณก็ดี แล้วไซร้,
วิญญาณก็เป็นสิ่งที่ตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ ในอาหารคือคำข้าวเป็นต้นนั้นๆ.
วิญญาณตั้งอยู่ไม่ได้ เจริญงอกงามอยู่ไม่ได้ในที่ใด,การก้าวลงแห่งนามรูป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การก้าวลงแห่งนามรูป ไม่มีในที่ใด, ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ย่อมไม่มีในที่นั้น;
ความเจริญแห่งสังขารทั้งหลาย ไม่มีในที่ใด,การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;
การบังเกิดในภพใหม่ต่อไป ไม่มีในที่ใด, ชาติชราและมรณะต่อไป ย่อมไม่มีในที่นั้น;ชาติชรามรณะต่อไป ไม่มีในที่ใด,
ภิกษุทั้งหลาย !เราเรียก “ที่” นั้น ว่าเป็น “ที่ไม่โศก ไม่มีธุลี และไม่มีความคับแค้น” ดังนี้.
ฉบับ ๓ ก้าวย่างอย่างพุทธะ ๑๑๓
(ภาษาไทย) นิทาน. สํ. ๑๖/๑๒๔-๑๒๖/๒๔๘-๒๔๙. : คลิกดูพระสูตร
พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๘ สังยุตตนิกาย นิทานวรรค
ท่านพระสารีบุตร ได้กล่าวว่า “ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ! ถ้าอย่างนั้น ผมจักกระทำ
อุปมาให้ท่านฟัง. วิญญูชนทั้งหลายบางพวกในโลกนี้ ย่อมรู้ทั่วถึงเนื้อความแห่งภาษิตได้
แม้ด้วยอุปมา. ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ! เปรียบเหมือนไม้อ้อสองกำจะพึงตั้งอยู่ได้ก็เพราะอาศัย
ซึ่งกันและกัน, ข้อนี้ฉันใด, ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน กล่าวคือ
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ; เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป;
เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ; เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ;
เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา; เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา ; เพราะมี
ตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปาทาน; เพราะมีอุปาทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ; เพราะมีภพเป็น
ปัจจัย จึงมีชาติ; เพราะมีชาติเป็นปัจจัย, ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุ
ปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี
ด้วยอาการอย่างนี้.
ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ! ไม้อ้อสองกำนั้น ถ้าบุคคลดึงเอาออกเสียกำหนึ่งไซร้
อีกกำหนึ่งก็พึงล้มไป, ถ้าบุคคลดึงเอากำอื่นอีกออกไปไซร้ กำอื่นอีกก็พึงล้มไป,
ข้อนี้ฉันใด; ดูก่อนท่านผู้มีอายุ ! ข้อนี้ก็ฉันนั้น เหมือนกัน คือ เพราะความดับแห่ง
นามรูป จึงมีความดับแห่งวิญญาณ; เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับ
แห่งนามรูป; เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ; เพราะมี
ความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ; เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมี
ความดับแห่งเวทนา; เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา เพราะมี
ความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปาทาน; เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมี
ความดับแห่งภพ; เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ; เพราะมีความดับแห่งชาติ
นั้นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลายจึงดับสิ้น : ความดับ
ลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้”.
ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า ๕๒๐
(ภาษาไทย) นิทาน. สํ. ๑๖/๑๑๐/๒๖๖ : คลิกดูพระสูตร