จิตของพระอรหันต์ เป็นอย่างไร?
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
ภิกษุท. ! (๙) ภิกษุเป็นผู้มีจิตหลุดพ้นด้วยดีเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีจิตหลุดพ้นแล้วจากราคะจากโทสะจากโมหะ.
ภิกษุท. ! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีจิตหลุดพ้นด้วยดี.
ภิกษุท. ! (๑๐) ภิกษุเป็นผู้มีปัญญาในความหลุดพ้นด้วยดีเป็นอย่างไรเล่า ?
ภิกษุท. ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ย่อมรู้ชัดว่า “เราละราคะโทสะโมหะเสียแล้ว
ถอนขึ้นได้กระทั่งรากทำให้เหมือนตาลยอดเน่าไม่ให้มีไม่ให้เกิดได้อีกต่อไป” ดังนี้.
ภิกษุท. ! ภิกษุอย่างนี้ชื่อว่าเป็นผู้มีปัญญาในความหลุดพ้นด้วยดี.
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์หน้า๒๗๐
(ไทย) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๒๗/๒๘.คลิกดูพระสูตร
(บาลี) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๓๕/๒๘.คลิกดูพระสูตร
ภิกษุท.! หลักเกณฑ์นั้นมีอยู่ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้อง
อาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการ
การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลยก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผล
ของตนได้โดยรู้ชัดว่า "ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำ
ได้ทำสำเร็จแล้วกิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก" ดังนี้.
ภิกษุท.! หลักเกณฑ์นั้นเป็นอย่างไรเล่า?
ภิกษุท.! ภิกษุในกรณีนี้เห็นรูปด้วยตาแล้วรู้ชัดราคะโทสะโมหะ
ซึ่งเกิดมีอยู่ในภายในว่าเกิดมีอยู่ในภายใน, รู้ชัดราคะโทสะโมหะอันไม่เกิดมีอยู่ใน
ภายในว่าไม่เกิดมีอยู่ในภายใน.
ภิกษุท.! เมื่อเธอรู้ชัดอยู่อย่างนี้แล้ว ยังจำเป็นอยู่อีกหรือที่จะต้องรู้ธรรมทั้งหลายด้วยอาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการการเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตน ?
"ข้อนั้นหามิได้พระเจ้าข้า !"
ภิกษุท .! ธรรมทั้งหลายเป็นสิ่งที่ต้องเห็นด้วยปัญญาแล้วจึงรู้มิใช่หรือ ?
"ข้อนั้นเป็นอย่างนั้นพระเจ้าข้า !"
" ภิกษุท! นี่แหละหลักเกณฑ์ซึ่งเมื่อบุคคลอาศัยแล้วไม่ต้อง
อาศัยความเชื่อความชอบใจการฟังตามๆกันมาการตริตรึกไปตามอาการ
การเห็นว่ามันเข้ากันได้กับทิฏฐิของตนเลยก็อาจพยากรณ์การบรรลุอรหัตตผล
ของตนได้โดยรู้ชัดว่า "ชาติสิ้นแล้วพรหมจรรย์อยู่จบแล้วกิจที่ควรทำได้ทำ
สำเร็จแล้วกิจอื่นที่จะต้องทำเพื่อความเป็นอย่างนี้มิได้มีอีก" ดังนี้.
อริยสัจจากพระโอษฐ์ภาคต้น หน้า ๗๐๑
(ไทย)สฬา. สํ. ๑๘/๑๔๒-๑๔๔/๒๓๙-๒๔๒:คลิกดูพระสูตร
(บาลี)สฬา. สํ. ๑๘/๑๗๓-๑๗๕/๒๓๙-๒๔๒:คลิกดูพระสูตร