Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

"กายออก จิตไม่ออก, กายไม่ออก จิตออก, กายไม่ออก จิตไม่ออก, กายออก จิตออก" หมายความว่าอย่างไร

User Rating:  / 3
PoorBest 

 

 

วิดีโอ

สนทนาธรรมค่ำวันเสาร์  28 พ.ค.  2554
 
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง 10 ปทุมธานี

ดาวน์โหลด : mp4mp3

 

 

พระสูตรที่เกี่ยวข้อง

 

 

ดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลจำพวกนี้มีปรากฏอยู่ในโลกจำพวกเป็นไฉนคือ

บุคคลมีกายออกไปแล้วมีจิตยังไม่ออก

มีกายยังไม่ออกมีจิตออกไปแล้ว

มีกายยังไม่ออกด้วยมีจิตยังไม่ออกด้วย

มีกายออกไปแล้วด้วยมีจิตออกไปแล้วด้วย

ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วมีจิตยังไม่ออกไปอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้เสพเสนาสนะอันสงัดคือป่าและราวป่าเขาตรึกถึงกามวิตกบ้างตรึกถึงพยาบาทวิตกบ้างตรึกถึงวิหิงสาวิตกบ้างในเสนาสนะนั้นดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วมีจิตยังไม่ออกอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกไปมีจิตออกไปอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่เสพเสนาสนะอันสงัดคือป่าและราวป่าเขาตรึกถึงเนกขัมมวิตกบ้างอัพยาบาทวิตกบ้างอวิหิงสาวิตกบ้างในที่นั้นดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกไปมีจิตออกไปแล้วอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกด้วยมีจิตยังไม่ออกด้วยอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้ไม่เสพเสนาสนะอันสงัดคือป่าและราวป่าเขาตรึกถึงกามวิตกบ้างตรึกถึงพยาบาทวิตกบ้างตรึกถึงวิหิงสาวิตกบ้างดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเป็นผู้มีกายยังไม่ออกด้วยมีจิตยังไม่ออกด้วยอย่างนี้แล

ดูกรภิกษุทั้งหลายก็บุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วด้วยมีจิตออกไปแล้วด้วยอย่างไร

บุคคลบางคนในโลกนี้เสพเสนาสนะอันสงัดคือป่าและราวป่าเขาตรึกถึงเนกขัมมวิตกบ้างอัพยาบาทวิตกบ้างอวิหิงสาวิตกบ้างในเสนาสนะนั้นดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลเป็นผู้มีกายออกไปแล้วด้วยมีจิตออกไปแล้วด้วยอย่างนี้แลดูกรภิกษุทั้งหลายบุคคลจำพวกนี้แลมีปรากฏอยู่ในโลก

 

(ไทย)จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๓๖/๑๓๘. คลิกดูพระสูตร

(บาลี)จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๘๕/๑๓๘คลิกดูพระสูตร

 

พระนครสาวัตถีฯลฯครั้งนั้นแลท่านพระมิคชาละเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับถวายอภิวาทแล้วนั่งที่ควรส่วนข้างหนึ่งครั้นแล้วได้ทูลถามพระผู้มีพระภาคว่า

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญที่พระองค์ตรัสว่าผู้มีปรกติอยู่ผู้เดียวผู้มีปรกติอยู่ผู้เดียวฉะนี้ด้วยเหตุเพียงเท่าไรพระเจ้าข้าภิกษุจึงชื่อว่ามีปรกติอยู่ผู้เดียวและด้วยเหตุเพียงเท่าไรภิกษุจึงชื่อว่าอยู่ด้วยเพื่อนสอง

พระผู้มีพระภาคตรัสว่า

ดูกรมิคชาละรูปที่จะพึงรู้แจ้งด้วยจักษุอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจให้เกิดความรักชักให้ใคร่ชวนให้กำหนัดมีอยู่ถ้าภิกษุยินดีกล่าวสรรเสริญหมกหมุ่นรูปนั้นอยู่เมื่อเธอยินดีกล่าวสรรเสริญหมกหมุ่นรูปนั้นอยู่ย่อมเกิดความเพลิดเพลินเมื่อมีความเพลิดเพลินก็มีความกำหนัดกล้าเมื่อมีความกำหนัดกล้าก็มีความเกี่ยวข้อง

ดูกรมิคชาละ ภิกษุผู้ประกอบด้วยความเพลิดเพลินและความเกี่ยวข้อง

เราเรียกว่าผู้มีปรกติอยู่ด้วยเพื่อนสองฯลฯ

ธรรมารมณ์ที่พึงรู้แจ้งด้วยใจอันน่าปรารถนาน่าใคร่น่าพอใจให้เกิดความรักชักให้ใคร่ชวนให้กำหนัดมีอยู่ถ้าภิกษุยินดีกล่าวสรรเสริญหมกมุ่นธรรมารมณ์นั้นอยู่เมื่อเธอยินดีกล่าวสรรเสริญหมกมุ่นธรรมารมณ์นั้นอยู่ย่อมเกิดความเพลิดเพลินเมื่อมีความเพลิดเพลินก็มีความกำหนัดกล้าเมื่อมีความกำหนัดกล้าก็มีความเกี่ยวข้องดูกรมิคชาละภิกษุผู้ประกอบด้วยความเพลิดเพลินและความเกี่ยวข้องเราเรียกว่ามีปรกติอยู่ด้วยเพื่อนสอง

ดูกรมิคชาละภิกษุผู้มีปรกติอยู่ด้วยอาการอย่างนี้ถึงจะเสพเสนาสนะอันสงัดคือป่าหญ้าและป่าไม้เงียบเสียงไม่อื้ออึงปราศจากลมแต่ชนเดินเข้าออกควรเป็นที่ประกอบกิจของมนุษย์ผู้ต้องการสงัดสมควรเป็นที่หลีกเร้นอยู่ก็จริงถึงอย่างนั้นก็ยังเรียกว่ามีปรกติอยู่ด้วยเพื่อนสอง

ข้อนั้นเพราะเหตุไร

เพราะผู้นั้นยังมีตัณหาเป็นเพื่อนเขายังละตัณหานั้นไม่ได้ฉะนั้นจึงเรียกว่ามีปรกติอยู่ด้วยเพื่อนสอง

 

(ไทย)สฬา. สํ. ๑๘/๓๔/๖๖ - ๖๗.คลิกดูพระสูตร

(บาลี)สฬา. สํ. ๑๘/๔๓/๖๖ - ๖๗.คลิกดูพระสูตร

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

Related questions

Today480
Yesterday1254
This week5285
This month15303
Total2522608

Who Is Online

79
Online