พระภิกษุฉันอาหารวันละกี่มื้อ และการห้ามภัต คืออย่างไร
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่ วิดีโอ 1
วิดีโอ 2
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๒)
มหาราชะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว, เว้นจากการฉันในราตรีและวิกาล, … แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง,
ปฐมธรรม หน้า ๓๒๒
(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๖๐/๑๐๓. : คลิกดูพระสูตร
ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๓)
อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเป็นผู้ทำการบริโภคสะสมอยู่เนืองๆ, คืออะไรบ้าง ? คือสะสมข้าวบ้าง สะสมน้ำดื่มบ้าง สะสมผ้าบ้าง สะสมยานพาหนะบ้าง สะสมเครื่องนอนบ้าง สะสมของหอมบ้าง สะสมอามิสบ้าง.
ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอเว้นขาดจากการบริโภคสะสม เห็นปานนั้นเสียแล้ว แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
ปฐมธรรม หน้า ๓๒๔
(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๖๑/๑๐๕. : คลิกดูพระสูตร
ฉันอาหารวันละหนเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อ เราฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ ย่อมรู้สึกความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีทุกข์น้อย มีความเบากาย กระปรี้ กระเปร่า มีกำลัง และมีความผาสุกด้วย
ภิกษุทั้งหลาย ! มาเถิด แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็จงฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลาย เมื่อฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ จักรู้สึกความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีทุกข์น้อย มีความเบากาย กระปรี้ กระเปร่า มีกำลังและมีความผาสุกด้วย
ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๒๗๕
(ภาษาไทย) มู. ม. ๑๒/๑๗๓/๒๖๕.: คลิกดูพระสูตร
ปาจิตตีย์ โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๕
ภิกษุทั้งหลาย ! ข่าวว่า ภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ยังฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีก จริงหรือ?
ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า
ภิกษุทั้งหลาย ! ไฉน ? ภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้น ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว จึงได้ฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีกเล่า การกระทำของภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้น นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...
ภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-
“อนึ่ง ! ภิกษุใดฉันเสร็จแล้ว ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี
ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี อันมิใช่เดนเป็นปาจิตตีย์.”
อริยวินัย หน้า ๑๑๙
(ภาษาไทย) มหาวิ. วิ. ๒/๔๔๗/๔๙๙.: คลิกดูพระสูตร
ความลำบากของพระอุทายี
ท่านพระอุทายีนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอประทานพระวโรกาส เมื่อข้าพระองค์อยู่ในที่ลับ เร้นอยู่ ได้เกิดความดำริแห่งจิต อย่างนี้ว่า
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำอกุศลธรรมเป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำกุศลธรรมเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ด้วยเมื่อก่อน ข้าพระองค์เคยฉันได้ทั้งเวลาเย็น ทั้งเวลาเช้า ทั้งเวลาวิกาลในกลางวัน.
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้มีสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า”
ภิกษุทั้งหลาย ! “เราขอเตือน เธอทั้งหลาย
จงละการฉันโภชนะในเวลาวิกาล ในเวลากลางวันนั้นเสียเถิด” ดังนี้.
“ข้า พระองค์นั้นมีความน้อยใจ มีความเสียใจ คฤหบดีทั้งหลายผู้มีศรัทธา จะให้ของควรเคี้ยวของควรบริโภคอันประณีต ในเวลาวิกาลในกลางวัน แก่เราทั้งหลาย แม้อันใด พระผู้มีพระภาคตรัสการละอันนั้นของเราทั้งหลายเสียแล้ว
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นเมื่อเห็นกะความรัก ความเคารพ ความละอาย และความเกรงกลัว ในพระผู้มีพระภาคจึงละการฉันโภชนะในเวลาวิกาลในกลางวันนั้นเสีย ด้วยประการอย่างนี้
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ทั้งหลายนั้น ย่อมฉันในเวลาเย็น และเวลาเช้า
ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้มีสมัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า”
ภิกษุทั้งหลาย “เราขอเตือน เธอทั้งหลาย
จงละเว้นการฉันโภชนะในเวลาวิกาล ในราตรีนั้นเสียเถิด” ดังนี้.
“ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้ว ภิกษุทั้งหลายเที่ยวไปบิณฑบาตในเวลามืดค่ำ ย่อมเข้าไปในบ่อน้ำครำบ้าง ลงไปในหลุมโสโครกบ้าง บุกเข้าไปยังป่าหนามบ้างเหยียบขึ้นไปบนแม่โคกำลังหลับบ้าง พบกับโจรผู้ทำโจรกรรมแล้วบ้าง ยังไม่ได้ทำโจรกรรมบ้างมาตุคามย่อมชักชวนภิกษุเหล่านั้นด้วยอสัทธรรมบ้าง.
“ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้วข้าพระองค์เที่ยวบิณฑบาตในเวลามืดค่ำ หญิงคนหนึ่งล้างภาชนะอยู่ ได้เห็นข้าพระองค์โดยแสงฟ้าแลบ แล้วตกใจกลัว ร้องเสียงดังว่า ความไม่เจริญได้มีแก่เราแล้ว ปีศาจจะมากินเราหนอ. เมื่อหญิงนั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ข้าพระองค์ได้พูดกะหญิงนั้นว่า ไม่ใช่ปีศาจดอกน้องหญิงเป็นภิกษุยืนเพื่อบิณฑบาต ดังนี้. หญิง นั้นกล่าวว่า บิดาของภิกษุตายเสียแล้ว มารดาของภิกษุตายเสียแล้ว ดูกรภิกษุ ท่านเอามีดสำหรับเชือดโคที่คม เชือดท้องเสีย ยังจะดีกว่า การที่ท่านเที่ยวบิณฑบาตในเวลาค่ำมืดเพราะเหตุแห่งท้องเช่นนั้น ไม่ดีเลย ดังนี้.
“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อข้าพระองค์ระลึกถึงเรื่องนั้นอยู่ มีความคิดอย่างนี้ว่า
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำอกุศลธรรมเป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ
พระผู้มีพระภาคทรงนำกุศลธรรมเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ”.
(ภาษาไทย) ม. ม. ๑๓/๑๔๑/๑๗๖. : คลิกดูพระสูตร