ขณะเดินจงกรมจิตควรจับที่ลมหรือที่การเดิน
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเป็นผู้มีสติเป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้เห็นกายในกายอยอยู่เป็นประจํา มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะมีสติ กําาจัดอภิชฌาและโทมนัสในโลกออกเสียได้; เป็นผู้เห็นเวทนในเวทนทั้งหลายอยู่เป็น ประจํา ... เป็นผู้เห็นจิตในจิตอยู่เป็นประจํา ... เป็นผู้เห็นธรรมในธรรมทั้งหลายอยู่เป็นประจํา มีความเพียรเผากิเลส มีสัมปชัญญะ มีสติ กําาจัดอภิชฌา และโทมนัสในโลกออกเสียได้. ภิกษุทั้งหลาย ! อย่างนี้แล เรียกว่ ภิกษุเป็นผู้มีสติ. ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะ เป็นอย่งไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย ! ภิกษุในกรณีนี้ เป็นผู้รู้ตัว รอบคอบในการก้าวไปข้างหน้า การถอยกลับไปข้างหลัง, การแลดู การเหลียวดู, การคู้ การเหยียด, การทรงสังฆาฏิ บาตร จีวร, การฉัน การดื่ม การเคี้ยว การลิ้ม, การถ่าย อุจจาระ ปัสสาวะ, การไป การหยุด, การนั่ง การนอน, การหลับ การตื่น, การพูด การนิ่ง. ภิกษุทั้งหลาย ! อย่างนี้แล เรียกว่ ภิกษุเป็นผู้มีสัมปชัญญะ. หนังสือปฐมธรรม หน้า ๖๕ (ไทย)สฬา. สํ. ๑๘/๒๒๔/๓๗๔-๓๘๑:คลิกดูพระสูตร (บาลี)สฬา. สํ. ๑๘/๒๖๐/๓๗๔-๓๘๑:คลิกดูพระสูตร
ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุเป็นผู้ตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องตื่น เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย! ภิกษุในกรณีนี้ ย่อมชำระจิตให้หมดจดสิ้นเชิงจาก อาวรณียธรรม (กิเลสที่กั้นจิต) ด้วยการเดินจงกรม ด้วยการนั่ง ตลอดวันยังค่ำไปจนสิ้นยามแรกแห่งราตรี, ครั้นยามกลางแห่งราตรี นอนอย่างราชสีห์ (คือ) ตะแคงข้างขวา เท้าเหลื่อมเท้า มีสติสัมปชัญญะในการลุกขึ้น, ครั้นยามสุดท้ายแห่งราตรี ลุกขึ้นแล้ว ชำระจิตให้หมดจดสิ้นเชิงจากอาวรณียธรรม ด้วยการเดินจงกรมและการนั่ง อีก. ภิกษุทั้งหลาย! อย่างนี้แล ชื่อว่าภิกษุเป็นผู้ตามประกอบในธรรมเป็นเครื่องตื่น. อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๑๑๔๑ ตามรอยธรรม หน้า ๕๕ (ไทย) สฬา. สํ. ๑๘/๑๙๖/๓๑๙. : คลิกดูพระสูตร (บาลี) สฬา. สํ. ๑๘/๒๒๑/๓๑๙. : คลิกดูพระสูตร