ชีวิตก็ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องนิพพาน , ทำไมต้อง ไม่เกิด
วีดีโอ1
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่
วีดีโอ2
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
ภิกษุทั้งหลาย. ! เปรียบเหมือนบุรุษผู้มีอายุร้อยปี พึงกล่าวกะบุรุษผู้มีชีวิตร้อยปี อย่างนี้ว่า “เอาไหมล่ะ ท่านบุรุษผู้เจริญ ! เขาจักแทงท่านด้วยหอกร้อยเล่ม ตลอดเวลาเช้า ร้อยเล่มตลอดเวลาเที่ยง ร้อยเล่มตลอดเวลาเย็น. ท่านบุรุษผู้เจริญ ! เมื่อเขาแทงท่านอยู่ด้วยหอกสามร้อยเล่มทุกวัน ๆ จนมีอายุร้อยปี มีชีวิตอยู่ร้อยปี ; โดยล่วงไปแห่งร้อยปีแล้ว ท่านจักรู้เฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ ที่ท่านยังไม่รู้เฉพาะแล้ว” ดังนี้. ภิกษุทั้งหลาย. ! กุลบุตรผู้รู้ซึ่งประโยชน์ ควรจะตกลง. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย. ! เพราะเหตุว่า สังสารวัฏนี้มีเบื้องต้นและที่สุดอันบุคคลไปตามอยู่รู้ไม่ได้แล้ว ดังนั้นเบื้องต้นและที่สุดแห่งการประหารด้วยหอกด้วยดาบด้วยหลาวด้วยขวาน ก็จะไม่ปรากฏ, นี้ฉันใด ; ภิกษุทั้งหลาย. ! ข้อนี้ก็เป็นฉันนั้น : เรากล่าวการรู้เฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ ว่าเป็นไปกับด้วยทุกข์กับด้วยโทมนัสก็หามิได้ ; แต่เรากล่าวการรู้เฉพาะซึ่งอริยสัจทั้งสี่ ว่าเป็นไปกับด้วยสุขกับด้วยโสมนัสทีเดียว. อริยสัจสี่ อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ อริยสัจคือทุกข์ อริยสัจคือเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ อริยสัจคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์. ภิกษุทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรมอันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้” ดังนี้. หนังสืออริยสัจจจากพระโอษฐ์ ภาคนำ - เรื่องควรทราบก่อนเกี่ยวกับจตุราริยสัจ หน้า ๙๙ (ภาษาไทย) มหาวาร. สํ.. ๑๙/๔๓๖/๑๗๑๘. : คลิกดูพระสูตร
ภิกษุทั้งหลาย. ! เธอทั้งหลายจะสำคัญความข้อนี้ว่าอย่างไร : ฝุ่นนิดหนึ่งที่เราช้อนขึ้นด้วยปลายเล็บนี้ กับมหาปฐพีนั้น ข้างไหนจะมากกว่ากัน ? “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! มหาปฐพีนั่นแหละเป็นดินที่มากกว่า. ฝุ่นนิดหนึ่งเท่าที่ทรงช้อนขึ้นด้วยปลายพระนขานี้ เป็นของมีประมาณน้อย. ฝุ่นนั้น เมื่อนำเข้าไปเทียบกับมหาปฐพี ย่อมไม่ถึงซึ่งการคำนวณได้ เปรียบเทียบได้ ไม่เข้าถึงแม้ซึ่งกะละภาค (ส่วนเสี้ยว)”. ภิกษุทั้งหลาย. ! อุปมานี้ฉันใด อุปไมยก็ฉันนั้น : สัตว์ที่เกิดกลับมาสู่หมู่มนุษย์ มีน้อย ; สัตว์ที่เกิดกลับเป็นอย่างอื่นจากหมู่มนุษย์ มีมากกว่าโดยแท้. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุทั้งหลาย. ! ข้อนั้น เพราะความที่สัตว์เหล่านั้นไม่เห็นอริยสัจทั้งสี่. อริยสัจสี่ อย่างไรเล่า ? สี่อย่างคือ อริยสัจคือทุกข์ อริยสัจคือเหตุให้เกิดขึ้นแห่งทุกข์ อริยสัจคือความดับไม่เหลือแห่งทุกข์อริยสัจคือทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์. ภิกษุทั้งหลาย. ! เพราะเหตุนั้น ในเรื่องนี้ เธอพึงประกอบโยคกรรม ( โยคกรรม คือ การกระทำความเพียรอย่างมีระบบ อย่างแข็งขันเต็มที่ ในรูปแบบหนึ่ง ๆ เพื่อให้สำเร็จประโยชน์ตามความมุ่งหมาย เรียกกันทั่ว ๆ ไปว่า “โยคะ”, เป็นคำกลางใช้กันได้ระหว่างศาสนาทุกศาสนา.) อันเป็นเครื่องกระทำให้รู้ว่า “ทุกข์ เป็นอย่างนี้, เหตุเกิดขึ้นแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ความดับไม่เหลือแห่งทุกข์ เป็นอย่างนี้, ทางดำเนินให้ถึงความดับไม่เหลือแห่งทุกข์เป็นอย่างนี้”, ดังนี้. [ในกรณีที่ไม่เห็นอริยสัจนั้น ยังมีผลทำให้ : สัตว์มาเกิดในมัชฌิมชนบท มีน้อย (๑๙/๕๗๘/๑๗๕๘). สัตว์มีปัญญาจักษุ มีน้อย (๑๙/๕๗๙/๑๗๕๙). สัตว์ไม่เสพของเมา มีน้อย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๐). สัตว์เกิดเป็นสัตว์บก มีน้อย (สัตว์น้ำมาก) (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๑). สัตว์เอื้อเฟื้อมารดา มีน้อย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๑). สัตว์เอื้อเฟื้อบิดา มีน้อย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๒). สัตว์เอื้อเฟื้อสมณะ มีน้อย (๑๙/๕๗๙/๑๗๖๓). สัตว์เอื้อเฟื้อพราหมณ์ มีน้อย (๑๙/๕๘๐/๑๗๖๔). สัตว์อ่อนน้อมถ่อมตน มีน้อย (๑๙/๕๘๐/๑๗๖๕). อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๘ (ภาษาไทย) มหาวาร. สํ.. ๑๙/๔๕๗/๑๗๕๗. : คลิกดูพระสูตร
ภิกษุทั้งหลาย. ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ๔ จำพวก เหล่านี้ มีอยู่ หาได้อยู่ในโลก. สี่จำพวก เหล่าไหนเล่า ? สี่จำพวก คือ :- ๑. ภิกษุทั้งหลาย. ! บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคน ในกรณีนี้ ได้ยินว่า "ในบ้านหรือนิคมโน้น มีหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์ หรือทำกาลกิริยา" ดังนี้ แล้ว เขาก็สังเวช ถึงความสลดใจเพราะเหตุนั้น; ครั้นสลดใจแล้ว ก็เริ่ม ตั้งความเพียรโดยแยบคาย มีตนส่งไปในแนวธรรมะ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา. ภิกษุทั้งหลาย. ! เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญชนิดนี้ ว่ามีอุปมาเหมือนม้าอาชาไนยตัวเจริญที่พอเห็นเงาของปฏักก็สังเวชถึงความสลดใจ ฉะนั้น. ๒. ภิกษุทั้งหลาย. ! จำพวกอื่นยังมีอีก : บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้ยินว่า ในบ้านหรือนิคมโน้น มีหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือ ทำกาลกิริยา, แต่เขาได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยาด้วย ตนเอง เขาก็สังเวชถึงความสลดใจเพราะเหตุนั้น ; ครั้นสลดใจแล้ว ก็เริ่มตั้งความ เพียรโดยแยบคาย มีตนส่งไปในแนวธรรมมะ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะด้วย นามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา. ภิกษุทั้งหลาย. ! เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญชนิดนี้ ว่ามีอุปมาเหมือนม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ถูกเขาแทงด้วยปฏักที่ขุมขนแล้ว ก็สังเวชถึงความสลดใจ ฉะนั้น. ๓. ภิกษุทั้งหลาย. ! จำพวกอื่นยังมีอีก : บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนใน กรณีนี้ ไม่ได้ยินว่า ในบ้านหรือนิคมโน้น มีหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือ ทำกาลกิริยา, ทั้งเขาไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยาด้วย ตนเอง, แต่ญาติหรือสาโลหิตของเขาเป็ นผู้ถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยา เขาก็ สังเวชถึงความสลดใจเพราะเหตุนั้น; ครั้นสลดใจแล้ว ก็เริ่มตั้งความเพียรโดย แยบคาย มีตนส่งไปในแนวธรรมะ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา. ภิกษุทั้งหลาย. ! เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญ ชนิดนี้ ว่ามีอุปมาเหมือนม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ถูกเขาแทงด้วยปฏักที่หนังก็ สังเวชถึงความสลดใจ ฉะนั้น. ๔. ภิกษุทั้งหลาย. ! จำพวกอื่นยังมีอีก : บุรุษอาชาไนยผู้เจริญบางคนในกรณีนี้ ไม่ได้ยินว่า ในบ้านหรือนิคมโน้น มีหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือ ทำกาลกิริยา และเขาไม่ได้เห็นหญิงหรือชายผู้ถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยาด้วยตนเอง, ทั้งญาติหรือสาโลหิตของเขาเป็นผู้ถึงความทุกข์หรือทำกาลกิริยา แต่ว่าเขาเองถูกต้องแล้วด้วยทุกขเวทนาที่เป็นไปในสรีระ ซึ่งกล้าแข็ง แสบเผ็ดไม่น่ายินดี ไม่น่าพอใจ แทบจะนำชีวิตไปเสีย เขาก็สังเวชถึงความสลดใจเพราะเหตุนั้น; ครั้นสลดใจแล้ว ก็เริ่มตั้งความเพียรโดยแยบคาย มีตนส่งไปในแนวธรรมะ ย่อมทำให้แจ้งซึ่งปรมัตถสัจจะด้วยนามกาย และเห็นแจ้งแทงตลอดด้วยปัญญา. ภิกษุทั้งหลาย. ! เรากล่าวบุรุษอาชาไนยผู้เจริญชนิดนี้ ว่ามีอุปมาเหมือนม้าอาชาไนยตัวเจริญที่ถูกเขาแทงด้วยปฏักถึงกระดูก ก็สังเวชถึงความสลดใจฉะนั้น. ภิกษุทั้งหลาย. ! เหล่านี้แล บุรุษอาชาไนยผู้เจิญ ๔ จำพวก ซึ่งมีอยู่หาได้ อยู่ในโลก. อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๑๑๓๖ (ภาษาไทย) จตุกฺก. อํ. ๒๑/๑๑๔/๑๑๓ : คลิกดูพระสูตร