Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

คนที่ได้สมาธิในระดับ เนวสัญญานาสัญญายตนะ และ สัญญาเวทยิตนิโรธ ทำไมพระพุทธเจ้าจึงไม่สอน

ให้เรตสมาชิก
ไม่ดีดี 

 

วิดีโอ

สนทนาธรรมค่ำวันปีใหม่ 1 ม.ค. 53

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล

วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง 10 ปทุมธานี

ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่

 

พระสูตรที่เกี่ยวข้อง

 

 

ภิกษุ ท. !  เรากล่าวความสิ้นอาสวะ

เพราะอาศัยปฐมฌาณบ้าง; 

เพราะอาศัยทุติยฌาณบ้าง; 

เพราะอาศัยตติยฌาณบ้าง; 

เพราะอาศัยจตุตถฌาณบ้าง; 

เพราะอาศัยอากาสานัญจายตนะบ้าง;  

เพราะอาศัยวิญญาณณัญจายตนะบ้าง; 

เพราะอาศัยอากิญจัญญายตนะบ้าง; 

เพราะอาศัยเนวสัญญานาสัญญายตนะบ้าง; 

อันมีวิตกวิจาร  มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. 

ในปฐมฌานนั้นมีธรรมคือ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ที่กำลังทำหน้าที่อยู่); 

 

เธอนั้นตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง

โดยความเป็นทุกข์ เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก

เป็นอาพาธ เป็นดังผู้อื่น(ให้ยืมมา) เป็นของแตกสลาย เป็นของว่างเป็นของไม่ใช่ตน.

เธอดำรงจิตด้วยธรรม(คือขันธ์ทั้งห้า)เหล่านั้น(อันประกอบด้วยลักษณะ  ๑๑  ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น)

แล้วจึงน้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน) ด้วยการกำหนดว่า “นั่นสงบระงับ  นั่นประณีต : นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง  เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน”

 

ดังนี้. เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีปฐมฌาณเป็นบาทนั้น  ย่อมถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ;

ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็นโอปปาติกะ อนาคามีผู้ปรินิพพาน ในภพนั้น

มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดา เพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำห้าประการ

และเพราะอำนาจแห่งธัมมราคะ  ธัมมนันทิ (อันเกิดจากการกำหนดจิตในอมตธาตุ) นั้นๆ นั่นเอง.

 

 

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนนายขมังธนูหรือลูกมือของเขา  ประกอบการฝึกอยู่กะรูปหุ่นคนที่ทำด้วยหญ้าบ้าง กะรูปหุ่นดินบ้าง; สมัยต่อมา เขาก็เป็นนายขมังธนูผู้ยิงไกล  ยิงเร็ว  ทำลายหมู่พลอันใหญ่ได้.  

ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น  ที่ภิกษุสงัดจากกาม  สงัดจากอกุศลธรรม  เข้าถึงปฐมฌาณอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวกแล้วแลอยู่ (เธอนั้นกำหนดเบญจขันธ์โดยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น แล้วน้อมจิตไปสู่อมตธาตุคือนิพพาน ถึงความสิ้นอาสวะเมื่อดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีปฐมฌาณเป็นบาทนั้น หรือมิฉะนั้นก็เป็นอนาคามีเพราะมีธัมมราคะ ธัมมนันทิในนิพพานนั้น)  ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า

“ภิกษุ ท. ! เรากล่าวความสิ้นอาสวะ เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง”  ดังนี้นั้น เราอาศัยความข้อนี้กล่าวแล้ว.

(ในกรณีแห่งการสิ้นอาสวะ เพราะอาศัย ทุติยฌาน บ้าง เพราะอาศัย ตติยฌาน บ้าง เพราะอาศัย จตุตถฌาน บ้าง ก็มีคำอธิบายที่ตรัสไว้โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งปฐมณานข้างบนนี้ ทุกตัวคำพูดทั้งในส่วนอุปไมยและส่วนอุปมา ผิดกันแต่ชื่อแห่งฌานเท่านั้น; ต่อไปจะข้ามไปกล่าวถึงอรูปสัญญาในลำดับต่อไป :- ).

 

ภิกษุ ท. ! คำที่เรากล่าวแล้วว่า  

“ภิกษุ ท. !  เรากล่าวความสิ้นอาสวะ เพราะอาศัย  อากาสานัญจายตนะบ้าง”  ดังนี้นั้น  เราอาศัยอะไรเล่า?

ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ ภิกษุ  เพราะก้าวล่วงรูปสัญญาเสียได้โดยประการทั้งปวงเพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ใส่ใจซึ่งนานัตตสัญญา จึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สิ้นสุด”ดังนี้ แล้วแลอยู่. ในอากาสานัญจายตนะนั้น มีธรรมคือ เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ (ที่กำลังทำหน้าที่อยู่) เธอนั้นตามเห็นซึ่งธรรมเหล่านั้น โดยความเป็นของไม่เที่ยง โดยความเป็นทุกข์  เป็นโรค เป็นหัวฝี เป็นลูกศร เป็นความยากลำบาก เป็นอาพาธ  เป็นดังผู้อื่น (ให้ยืมมา)  เป็นของแตกสลาย  เป็นของว่าง เป็นของไม่ใช่ตน.  

เธอดำรงจิตด้วยธรรม  (คือขันธ์เพียงสี่)  เหล่านั้น (อันประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ มีอนิจจลักษณะเป็นต้น) แล้วจึงน้อมจิตไปสู่อมตธาตุ (คือนิพพาน) ด้วยการกำหนดว่า   “นั่นสงบระงับ  นั่นประณีต :   นั่นคือธรรมชาติเป็นที่สงบระงับแห่งสังขารทั้งปวง เป็นที่สลัดคืนซึ่งอุปธิทั้งปวง เป็นที่สิ้นไปแห่งตัณหา เป็นความจางคลาย เป็นความดับ เป็นนิพพาน” ดังนี้. เธอดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณมีอากาสานัญจายตนะเป็นบาทนั้น ย่อมถึง ความสิ้นไปแห่งอาสวะ ; ถ้าไม่ถึงความสิ้นไปแห่งอาสวะ ก็เป็นโอปปาติกะ อนาคามีผู้ปรินิพพานในภพนั้น มีการไม่เวียนกลับจากโลกนั้นเป็นธรรมดาเพราะความสิ้นไปแห่งสังโยชน์มีในเบื้องต่ำห้าประการ และเพราะอำนาจแห่ง  ธัมมราคะ  ธัมมนันทิ  (อันเกิดจากความพอใจและความเพลินที่ยังละไม่ได้) นั้นๆ  นั่นเอง.

ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนนายขมังธนูหรือลูกมือของเขา  ประกอบการฝึกอยู่กะรูปหุ่นคนที่ทำด้วยหญ้าบ้าง กะรูปหุ่นดินบ้าง; สมัยต่อมาเขาก็เป็นนายขมังธนูผู้ยิงไกล ยิงเร็ว ทำลายหมู่พลอันใหญ่ได้.

ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น ที่ภิกษุ เพราะก้าวล่วงซึ่งรูปสัญญาเสียได้โดยประการทั้งปวง  เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะการไม่ทำไว้ในใจซึ่งนานัตตสัญญา  จึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการไม่ทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด”  ดังนี้แล้วแลอยู่. (เธอนั้นกำหนดขันธ์เพียงสี่๒    ว่าขันธ์แต่ละขันธ์ประกอบด้วยลักษณะ ๑๑ ประการ  มีอนิจจลักษณะเป็นต้น แล้วน้อมจิตไปสู่อมตธาตุคือนิพพาน ถึงความสิ้นอาสวะเมื่อดำรงอยู่ในวิปัสสนาญาณ มีอากาสานัญจายตนะเป็นบาทนั้น หรือมิฉะนั้นก็เป็นอนาคามี เพราะมีธัมมราคะ ธัมมนันทิในนิพพานนั้น)  ดังนี้.

ภิกษุ ท. ! ข้อที่เรากล่าวแล้วว่า

“ภิกษุ ท. ! เรากล่าวความสิ้นอาสวะ เพราะอาศัยปฐมฌานบ้าง” ดังนี้นั้น เราอาศัยความข้อนี้กล่าวแล้ว.

(ในกรณีแห่งการสิ้นอาสวะ เพราะอาศัย วิญญาณัญจายตนะ บ้าง เพราะอาศัย อากิญจัญญายตนะ บ้าง ก็มีคำอธิบายที่ตรัสไว้โดยทำนองเดียวกันกับในกรณีแห่งอากาสานัญจายตนะข้างบนนี้   ทุกตัวคำพูดทั้งในส่วนอุปไมยและส่วนอุปมา  ผิดกันแต่ชื่อแห่งสมาบัติเท่านั้น  จนกระทั่งถึงคำว่า .... เราอาศัยข้อความนี้กล่าวแล้ว  อันเป็นคำสุดท้ายของข้อความในกรณีแห่งอากิญจัญญายตนะ. ครั้นตรัสข้อความในกรณีแห่งอากิญจัญญายตนะจบแล้ว   ได้ตรัสข้อความนี้  ต่อไปว่า : -).

ภิกษุ ท. ! ด้วยเหตุดังกล่าวมานี้แล   เป็นอันกล่าวได้ว่า  สัญญาสมาบัติ  มีประมาณเท่าใด 

อัญญาปฏิเวธ (การแทงตลอดอรหัตตผล)  ก็มีประมาณเท่านั้น.

ภิกษุ ท. ! ส่วนว่า อายตนะอีก ๒ ประการ กล่าวคือ เนวสัญญานาสัญญายตนสมาบัติ และ สัญญาเวทยิตนิโรธ ซึ่งอาศัยสัญญาสมาบัติ(๗ประการ) เหล่านั้น นั้นเรากล่าวว่า เป็นสิ่งที่ฌายีภิกษุผู้ฉลาดในการเข้าสมาบัติ ฉลาดในการออกจากสมาบัติ จะพึงเข้าสมาบัติ  ออกจากสมาบัติ แล้วกล่าวว่าเป็นอะไรได้เองโดยชอบ๓  ดังนี้.

 

อริยสัจจากพระโอษฐ์ ๒ หน้า ๙๑๑-๙๑๖

(ไทย) นวก. อํ. ๒๓/๓๔๑-๓๔๕/๒๔๐. : คลิกดูพระสูตร

(บาลี) นวก. อํ. ๒๓/๔๓๘-๔๓๙/๒๔๐. : คลิกดูพระสูตร

 


 

 

 

 

 

 

Today504
Yesterday1254
This week5309
This month15327
Total2522632

Who Is Online

72
Online