Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

พระภิกษุฉันอาหารวันละกี่มื้อ และการห้ามภัต คืออย่างไร

ให้เรตสมาชิก
ไม่ดีดี 

 

วิดีโอ 1


บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง 10 ปทุมธานี
ณ โรงพยาบาล บำรุงราษฎร์ 11 ก.ย. 55

ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่

 

 

วิดีโอ 2

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง 10 ปทุมธานี
ณ วัดบางไผ่ 20 ก.ย. 55

ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่

 

 

 

พระสูตรที่เกี่ยวข้อง

 

ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๒)

มหาราชะ ! ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เป็นผู้ฉันอาหารวันหนึ่งเพียงหนเดียว, เว้นจากการฉันในราตรีและวิกาล,แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง,

 ปฐมธรรม หน้า ๓๒๒

(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๖๐/๑๐๓. : คลิกดูพระสูตร

 

 

ลักษณะของภิกษุผู้มีศีล (นัยที่ ๓)

อีกอย่างหนึ่ง เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่ทายกถวายด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังเป็นผู้ทำการบริโภคสะสมอยู่เนืองๆ, คืออะไรบ้าง ? คือสะสมข้าวบ้าง สะสมน้ำดื่มบ้าง สะสมผ้าบ้าง สะสมยานพาหนะบ้าง สะสมเครื่องนอนบ้าง สะสมของหอมบ้าง สะสมอามิสบ้าง.

ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เธอเว้นขาดจากการบริโภคสะสม เห็นปานนั้นเสียแล้ว แม้นี้ ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.

ปฐมธรรม หน้า ๓๒๔

(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๖๑/๑๐๕. : คลิกดูพระสูตร

 

 

ฉันอาหารวันละหนเดียว

ภิกษุทั้งหลาย ! เราย่อมฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว ภิกษุทั้งหลาย ! เมื่อ เราฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ ย่อมรู้สึกความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีทุกข์น้อย มีความเบากาย กระปรี้ กระเปร่า มีกำลัง และมีความผาสุกด้วย

ภิกษุทั้งหลาย ! มาเถิด แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็จงฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียว

ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลาย เมื่อฉันโภชนะแต่ในที่นั่งแห่งเดียวอยู่ จักรู้สึกความเป็นผู้มีอาพาธน้อย มีทุกข์น้อย มีความเบากาย กระปรี้ กระเปร่า มีกำลังและมีความผาสุกด้วย

ขุมทรัพย์จากพระโอษฐ์ หน้า ๒๗๕

(ภาษาไทย) มู. . ๑๒/๑๗๓/๒๖๕.: คลิกดูพระสูตร

 

ปาจิตตีย์ โภชนวรรค สิกขาบทที่ ๕

 

ภิกษุทั้งหลาย ! ข่าวว่า ภิกษุทั้งหลายฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว ยังฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีก จริงหรือ?

 ภิกษุทั้งหลายทูลรับว่า จริง พระพุทธเจ้าข้า

 ภิกษุทั้งหลาย ! ไฉน ? ภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้น ฉันเสร็จ ห้ามภัตแล้ว จึงได้ฉัน ณ ที่แห่งอื่นอีกเล่า การกระทำของภิกษุโมฆบุรุษเหล่านั้น นั่นไม่เป็นไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนที่ยังไม่เลื่อมใส หรือเพื่อความเลื่อมใสยิ่งของชุมชนที่เลื่อมใสแล้ว ...

 ภิกษุทั้งหลาย ก็แลพวกเธอพึงยกสิกขาบทนี้ขึ้นแสดงอย่างนี้ ว่าดังนี้:-

 อนึ่ง ! ภิกษุใดฉันเสร็จแล้ว ห้ามภัตแล้ว เคี้ยวก็ดี ฉันก็ดี

 ซึ่งของเคี้ยวก็ดี ซึ่งของฉันก็ดี อันมิใช่เดนเป็นปาจิตตีย์.”

อริยวินัย หน้า ๑๑๙

 (ภาษาไทย) มหาวิ. วิ. ๒/๔๔๗/๔๙๙.: คลิกดูพระสูตร

 

ความลำบากของพระอุทายี

             ท่านพระอุทายีนั่งอยู่ ณ ที่ควรส่วนข้างหนึ่งแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคว่า

            “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ขอประทานพระวโรกาส เมื่อข้าพระองค์อยู่ในที่ลับ เร้นอยู่ ได้เกิดความดำริแห่งจิต   อย่างนี้ว่า

              พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปได้หนอ

              พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ

              พระผู้มีพระภาคทรงนำอกุศลธรรมเป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปได้หนอ

             พระผู้มีพระภาคทรงนำกุศลธรรมเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ.

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ด้วยเมื่อก่อน ข้าพระองค์เคยฉันได้ทั้งเวลาเย็น ทั้งเวลาเช้า ทั้งเวลาวิกาลในกลางวัน.

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ได้มีสมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า

                                 ภิกษุทั้งหลาย ! เราขอเตือน เธอทั้งหลาย

                 จงละการฉันโภชนะในเวลาวิกาล ในเวลากลางวันนั้นเสียเถิดดังนี้.

           ข้า พระองค์นั้นมีความน้อยใจ มีความเสียใจ คฤหบดีทั้งหลายผู้มีศรัทธา จะให้ของควรเคี้ยวของควรบริโภคอันประณีต ในเวลาวิกาลในกลางวัน แก่เราทั้งหลาย แม้อันใด พระผู้มีพระภาคตรัสการละอันนั้นของเราทั้งหลายเสียแล้ว

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ทั้งหลายนั้นเมื่อเห็นกะความรัก ความเคารพ ความละอาย และความเกรงกลัว ในพระผู้มีพระภาคจึงละการฉันโภชนะในเวลาวิกาลในกลางวันนั้นเสีย ด้วยประการอย่างนี้

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญข้าพระองค์ทั้งหลายนั้น ย่อมฉันในเวลาเย็น และเวลาเช้า

             ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ได้มีสมัยที่พระผู้มีพระภาคตรัสเรียกภิกษุทั้งหลายมาว่า

                                 ภิกษุทั้งหลาย เราขอเตือน เธอทั้งหลาย

                จงละเว้นการฉันโภชนะในเวลาวิกาล ในราตรีนั้นเสียเถิดดังนี้.

           ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้ว ภิกษุทั้งหลายเที่ยวไปบิณฑบาตในเวลามืดค่ำ ย่อมเข้าไปในบ่อน้ำครำบ้าง ลงไปในหลุมโสโครกบ้าง บุกเข้าไปยังป่าหนามบ้างเหยียบขึ้นไปบนแม่โคกำลังหลับบ้าง พบกับโจรผู้ทำโจรกรรมแล้วบ้าง ยังไม่ได้ทำโจรกรรมบ้างมาตุคามย่อมชักชวนภิกษุเหล่านั้นด้วยอสัทธรรมบ้าง.

             ข้า แต่พระองค์ผู้เจริญ เรื่องเคยมีมาแล้วข้าพระองค์เที่ยวบิณฑบาตในเวลามืดค่ำ หญิงคนหนึ่งล้างภาชนะอยู่ ได้เห็นข้าพระองค์โดยแสงฟ้าแลบ แล้วตกใจกลัว ร้องเสียงดังว่า ความไม่เจริญได้มีแก่เราแล้ว ปีศาจจะมากินเราหนอ. เมื่อหญิงนั้นกล่าวอย่างนั้นแล้ว ข้าพระองค์ได้พูดกะหญิงนั้นว่า ไม่ใช่ปีศาจดอกน้องหญิงเป็นภิกษุยืนเพื่อบิณฑบาต ดังนี้. หญิง นั้นกล่าวว่า บิดาของภิกษุตายเสียแล้ว มารดาของภิกษุตายเสียแล้ว ดูกรภิกษุ ท่านเอามีดสำหรับเชือดโคที่คม เชือดท้องเสีย ยังจะดีกว่า การที่ท่านเที่ยวบิณฑบาตในเวลาค่ำมืดเพราะเหตุแห่งท้องเช่นนั้น ไม่ดีเลย ดังนี้.

               “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญเมื่อข้าพระองค์ระลึกถึงเรื่องนั้นอยู่ มีความคิดอย่างนี้ว่า

               พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งทุกข์เป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ

               พระผู้มีพระภาคทรงนำธรรมอันเป็นเหตุแห่งสุขเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ

               พระผู้มีพระภาคทรงนำอกุศลธรรมเป็นอันมากของเราทั้งหลายออกไปเสียได้หนอ

               พระผู้มีพระภาคทรงนำกุศลธรรมเป็นอันมากเข้าไปให้แก่เราทั้งหลายหนอ”.

                                                                            

(ภาษาไทย) . . ๑๓/๑๔๑/๑๗๖. : คลิกดูพระสูตร

 

Today458
Yesterday1254
This week5263
This month15281
Total2522586

Who Is Online

72
Online