วิธีไม่สร้างกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น คืออย่างไร
วิดีโอ
บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล
วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี
ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่
พระสูตรที่เกี่ยวข้อง
นนฺทิกฺขยา ราคกฺขโยสมฺมา ปสฺสํ นิพฺพินฺทติ เมื่อเห็นอยู่โดยถูกต้อง ย่อมเบื่อหน่าย เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิ จึงมีความสิ้นไปแห่งราคะ ราคกฺขยา นนฺทิกฺขโย เพราะความสิ้นไปแห่งราคะ จึงมีความสิ้นไปแห่งนันทิ นนฺทิราคกฺขยา จิตฺตํ สุวิมุตฺตนฺติ วุจฺจตีติ เพราะความสิ้นไปแห่งนันทิและราคะ กล่าวได้ว่า “จิตหลุดพ้นแล้วด้วยดี” ดังนี้. หนังสืออินทรีย์สังวร หน้า ๓๒ (ภาษาไทย) สฬา. สํ. ๑๘/๑๔๖/๒๔๕. : คลิกดูพระสูตร
ภิกษุทั้งหลาย. ! วิญญาณย่อมมีขึ้น เพราะอาศัยธรรม ๒ อย่าง. สองอย่างอะไรเล่า ? สองอย่างคือ :- ภิกษุทั้งหลาย. ! เพราะอาศัยซึ่ง จักษุ ด้วย ซึ่งรูป ทั้งหลายด้วย จักขุวิญญาณ จึงเกิดขึ้น. จักษุเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; รูปทั้งหลายเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น : ธรรมทั้งสอง (จักษุ+รูป) อย่างนี้แล เป็นสิ่งที่หวั่นไหวด้วย อาพาธด้วย ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; จักขุวิญญาณ เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; เหตุอันใดก็ตาม ปัจจัยอันใดก็ตามเพื่อความเกิดขึ้นแห่งจักขุวิญญาณ, แม้เหตุ อันนั้นแม้ปัจจัย อันนั้น ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. ภิกษุ ท. !วิญญาณเกิดขึ้นแล้ว เพราะอาศัยปัจจัยที่ไม่เที่ยงดังนี้จักขุวิญญาณเป็นของเที่ยงมาแต่ไหน. ภิกษุทั้งหลาย. ! ความประจวบพร้อม ความประชุมพร้อม ความมาพร้อมกันแห่งธรรมทั้งหลาย(จักษุ+รูป+จักขุวิญญาณ) ๓ อย่าง เหล่านี้ อันใดแล ; ภิกษุทั้งหลาย. ! อันนี้เราเรียกว่า จักขุสัมผัส. ภิกษุ ท. !แม้ จักขุสัมผัส ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวนมีความเป็นไปโดยประการอื่น. เหตุอันใดก็ตาม ปัจจัยอันใดก็ตาม เพื่อความเกิดขึ้นแห่งจักขุสัมผัส, แม้เหตุ อันนั้น แม้ ปัจจัย อันนั้น ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. ภิกษุทั้งหลาย. ! จักขุสัมผัสเกิดขึ้นแล้ว เพราะอาศัยปัจจัยที่ไม่เที่ยงดังนี้ จักขุสัมผัสจักเป็นของเที่ยงมาแต่ไหน. ภิกษุทั้งหลาย. ! บุคคลที่ผัสสะกระทบแล้วย่อมรู้สึก (เวเทติ), ผัสสะกระทบแล้วย่อม คิด (เจเตติ),ผัสสะกระทบแล้วย่อม จำได้หมายรู้ (สญฺชานาติ) : แม้ธรรมทั้งหลาย (เวทนา, เจตนา, สัญญา) อย่างนี้เหล่านี้ก็ล้วนเป็นสิ่งที่หวั่นไหวด้วย อาพาธด้วย ไม่เที่ยงมีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ;(ในกรณีแห่งโสตวิญญาณก็ดี, ฆานวิญญาณก็ดี, ชิวหาวิญญาณก็ดี, กายวิญญาณก็ดี, ก็มีนัยเดียวกัน) ภิกษุทั้งหลาย. ! เพราะอาศัยซึ่ง มโนด้วย ซึ่งธรรมารมณ์ทั้งหลายด้วย มโนวิญญาณ จึงเกิดขึ้น.มโนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; ธรรมารมณ์ทั้งหลายเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น : ธรรมทั้งสอง (มโน+ธรรมารมณ์) อย่างนี้แล เป็นสิ่งที่หวั่นไหวด้วย อาพาธด้วย ไม่เที่ยงมีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; มโนวิญญาณเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น ; เหตุอันใดก็ตาม ปัจจัยอันใดก็ตาม เพื่อความเกิดขึ้นแห่งมโนวิญญาณ, แม้เหตุ อันนั้น แม้ ปัจจัย อันนั้น ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยงมีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. ภิกษุทั้งหลาย. ! มโนวิญญาณเกิดขึ้นแล้วเพราะอาศัยปัจจัยที่ไม่เที่ยงดังนี้ มโนวิญญาณเป็นของเที่ยงมาแต่ไหน. ภิกษุทั้งหลาย. ! ความประจวบพร้อม ความประชุมพร้อม ความมาพร้อมกันแห่งธรรมทั้งหลาย(มโน+ธรรมารมณ์+มโนวิญญาณ) ๓ อย่าง เหล่านี้อันใดแล ; ภิกษุทั้งหลาย. ! อันนี้เราเรียกว่า มโนสัมผัส. ภิกษุทั้งหลาย. ! แม้มโนสัมผัส ก็เป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. เหตุอันใดก็ตาม ปัจจัยอันใดก็ตาม เพื่อความเกิดขึ้นแห่งมโนสัมผัส, แม้ เหตุ อันนั้น แม้ ปัจจัย อันนั้น ก็ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. ภิกษุทั้งหลาย. ! มโนสัมผัสเกิดขึ้นแล้วเพราะอาศัยปัจจัยที่ไม่เที่ยงดังนี้ มโนสัมผัสจักเป็นของเที่ยงมาแต่ไหน. ภิกษุทั้งหลาย. ! บุคคลที่ผัสสะกระทบแล้วย่อมรู้สึก (เวเทติ), ผัสสะกระทบแล้วย่อม คิด (เจเตติ),ผัสสะกระทบแล้วย่อมจำได้หมายรู้ (สญฺชานาติ) : แม้ธรรมทั้งหลาย (เวทนา, เจตนา, สัญญา) อย่างนี้เหล่านี้ ก็ล้วนเป็นสิ่งที่หวั่นไหวด้วย อาพาธด้วยไม่เที่ยง มีความแปรปรวน มีความเป็นไปโดยประการอื่น. (ภาษาไทย) สฬา.สํ. ๑๘/๖๘-๗๐/๑๒๔-๑๒๗ : คลิกดูพระสูตร