Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

มิจฉาทิฐิ (มิจฉาทิฏฐิ) หรือความเห็นที่ผิด เกี่ยวกับเรื่องกรรม มีอะไรบ้าง

ให้เรตสมาชิก
ไม่ดีดี 

 

วิดีโอ

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล

วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี

ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่


พระสูตรที่เกี่ยวข้อง

 

 

ลัทธิที่เชื่อว่าสุขและทุกข์เกิดจากกรรมเก่าอย่างเดียว

ภิกษุทั้งหลาย ! ลัทธิ ๓ ลัทธิเหล่านี้ มีอยู่, เป็นลัทธิซึ่งแม้บัณฑิตจะพากันไตร่ตรอง จะหยิบขึ้นตรวจสอบ จะหยิบขึ้นวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างไร แม้จะบิดผันกันมาอย่างไร ก็ชวนให้น้อมไปเพื่อการไม่ประกอบกรรมที่ดีงามอยู่นั่นเอง.

ภิกษุทั้งหลาย ! ลัทธิ ๓ ลัทธินั้น เป็นอย่างไรเล่า ?  ๓ ลัทธิคือ :-

() สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำและความเห็นว่า บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น เป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อนดังนี้.

() สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำและความเห็นว่า บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์ของเจ้าเป็นนายดังนี้.

() สมณะและพราหมณ์บางพวก มีถ้อยคำและความเห็นว่า บุรุษบุคคลใดๆ ก็ตาม ที่ได้รับสุข รับทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์ ทั้งหมดนั้น ไม่มีอะไรเป็นเหตุ เป็นปัจจัยเลยดังนี้.

ภิกษุทั้งหลาย ! ในบรรดาลัทธิทั้ง ๓ นั้น สมณพราหมณ์พวกใด มีถ้อยคำและความเห็นว่า บุคคลได้รับสุข หรือทุกข์ หรือไม่ใช่สุขไม่ใช่ทุกข์เพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อนอย่างเดียวมีอยู่,

เราเข้าไปหาสมณพราหมณ์เหล่านั้น แล้วสอบถาม ความที่เขายังยืนยันอยู่ดังนั้นแล้ว เรากล่าวกะเขาว่าถ้ากระนั้น คนที่ฆ่าสัตว์ ... ลักทรัพย์ ... ประพฤติผิดพรหมจรรย์ ... พูดเท็จ ... พูดคำหยาบ ... พูดยุให้แตกกัน... พูดเพ้อเจ้อ ... มีใจละโมบเพ่งเล็ง ... มีใจพยาบาท ...มีความเห็นวิปริตเหล่านี้ อย่างใดอย่างหนึ่ง (ในเวลานี้)นั่นก็ต้องเป็นเพราะกรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อน. เมื่อมัวแต่ถือเอากรรมที่ทำไว้แต่ปางก่อนมาเป็นสาระสำคัญดังนี้แล้วคนเหล่านั้นก็ไม่มีความอยากทำ หรือความพยายามทำในข้อที่ว่า

สิ่งนี้ควรทำ (กรณียกิจ)

สิ่งนี้ไม่ควรทำ(อกรณียกิจ) อีกต่อไป.

เมื่อกรณียกิจและอกรณียกิจไม่ถูกทำหรือถูกละเว้นให้จริงๆ จังๆ กันแล้วคนพวกที่ไม่มีสติคุ้มครองตนเหล่านั้นก็ไม่มีอะไรที่จะมาเรียกตนว่าเป็นสมณะอย่างชอบธรรมได้ดังนี้.

หนังสือแก้กรรม หน้า ๖๐

(ภาษาไทย) ติก. อํ. ๒๐/๑๖๗/๕๐๑. คลิกดูพระสูตร

 

 ทิ้งเสียนั่นแหละ กลับจะเป็นประโยชน์

ภิกษุทั้งหลาย. !

สิ่งใด ไม่ใช่ของเธอ, สิ่งนั้น จงละมันเสีย;

สิ่งนั้น อันเธอละเสียแล้ว

จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ.

ภิกษุทั้งหลาย. ! อะไรเล่า ที่ไม่ใช่ของเธอ ?

ภิกษุทั้งหลาย. ! จักษุไม่ใช่ของเธอ เธอจงละมันเสีย;

จักษุนั้น อันเธอละเสียแล้ว จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ

 

(ในกรณีแห่ง โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และ มโน ก็ได้ตรัสต่อไปด้วยข้อความอย่างเดียวกัน).

ภิกษุทั้งหลาย. ! เปรียบเหมือน อะไร ๆ ในแคว้นนี้ ที่เป็นหญ้า เป็นไม้ เป็นกิ่งไม้ เป็นใบไม้

ที่คนเขาขนไปทิ้ง หรือ เผาเสีย หรือทำตามปัจจัย; พวกเธอรู้สึกอย่างนี้บ้างหรือไม่ว่า คนเขาขนเราไป หรือเผาเรา หรือทำแก่เราตามปัจจัยของเขา ?

ไม่รู้สึกอย่างนั้นเลย พระเจ้าข้า !”

เพราะเหตุไรเล่า ?

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! เพราะเหตุว่า ความรู้สึกว่าตัวตน (อตฺตา) ของตน (อตฺตนิยา) ของข้าพระองค์ไม่มีในสิ่งเหล่านั้น พระเจ้าข้า !”

ภิกษุทั้งหลาย. ! ฉันใดก็ฉันนั้น :

จักษุ...โสตะ...ฆานะ...ชิวหา...กายะ...มโน ไม่ใช่ของเธอเธอจงละมันเสีย

สิ่งเหล่านั้น อันเธอละเสียแล้ว

จักเป็นไปเพื่อประโยชน์และความสุขแก่เธอ แล.

(ภาษาไทย) สฬา.สํ ๑๘/๑๓๑/๒๑๙ : คลิกดูพระสูตร

 

Today335
Yesterday494
This week335
This month5366
Total2363360

Who Is Online

13
Online