Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

ประโยชน์ของการสาธยายธรรม มีอะไรบ้าง และควรสาธยายธรรมบทไหน, พระพุทธเจ้าสวดอะไร

ให้เรตสมาชิก
ไม่ดีดี 

 

วีดีโอ1

 

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล

วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี

 ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่

 

วีดีโอ2

 

 

 

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล

วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี

 ดาวน์โหลด : คลิกที่นี่

 

 

ประโยชน์ของการสาธยายธรรม

๑. เพื่อความตั้งมั่นของพระสัทธรรม

(ภาษาไทย) ปญฺจก. อํ. ๒๒/๑๖๐/๑๕๕. : คลิกดูพระสูตร

 

๒. เป็นเครื่องให้ถึงวิมุตติ (หนึ่งในธรรมให้ถึงวิมุตติห้าประการ)

(ภาษาไทย) ปญฺจก. อํ. ๒๒/๒๐/๒๖. : คลิกดูพระสูตร

 

๓. เป็นอาหารของความเป็นพหูสูตร

(ภาษาไทย) ทสก. อํ. ๒๔/๑๒๐/๗๓. : คลิกดูพระสูตร

 

๔. เป็นองค์ประกอบของการเป็นบริษัทที่เลิศ

(ภาษาไทย) ทุก. อํ. ๒๐/๖๘/๒๙๒. : คลิกดูพระสูตร

 

๕. ทำให้ไม่เป็นมลทิน

(ภาษาไทย) อฎฺฐก. อํ. ๒๓/๑๔๙/๑๐๕. : คลิกดูพระสูตร

 

๖. เป็นบริขารของจิตเพื่อความไม่มีเวรไม่เบียดเบียน (หนึ่งในห้าบริขารของจิต)

(ภาษาไทย) มู. ม. ๑๓/๕๐๐/๗๒๘. : คลิกดูพระสูตร

 

๗. เป็นเหตุให้ละความง่วงได้ (หนึ่งในแปดวิธีละความง่วง)

(ภาษาไทย) สตฺตก. อํ. ๒๓/๗๓/๕๘.: : คลิกดูพระสูตร

 


 

กฏอิทัปปัจจยตา : หัวใจปฏิจจสมุปบาท.

 

                              อิมสฺมึ สติ      อิทํ โหติ

 

                             เมื่อสิ่งนี้ มี      สิ่งนี้ ย่อมมี

                           อิมสฺสุปฺปาทา      อิทํ อุปฺปชฺชติ

           เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้      สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น.

                             อิมสฺมึ อสติ      อิทํ น โหติ

                           เมื่อสิ่งนี้ ไม่มี      สิ่งนี้ ย่อมไม่มี

                           อิมสฺส นิโรธา      อิทํ นิรุชฺฌติ

            เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้      สิ่งนี้จึงดับไป.

 

ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า ๓

 (ภาษาไทย) นิทาน. สํ. ๑๖/๖๘/๑๕๔. : คลิกดูพระสูตร

 

 

สิ่งที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท

 ครั้งหนึ่ง ที่พระเชตวัน พระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสเรียกภิกษุทั้งหลาย ให้ตั้งใจฟังแล้ว ได้ตรัสข้อความเหล่านี้ว่า :-

 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! เราจักแสดง ปฏิจจสมุปบาท แก่พวกเธอทั้งหลาย, พวกเธอทั้งหลายจงฟัง ปฏิจจสมุปบาท นั้น, จงทำในใจให้สำเร็จประโยชน์, เราจักกล่าว บัดนี้.

 ครั้นภิกษุทั้งหลายเหล่านั้น ทูลสนองรับพระพุทธดำรัสแล้ว, พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสถ้อยคำเหล่านี้ว่า :-

 ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! อะไรเล่า ที่เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท? ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! :

 

เพราะมีอวิชชา         เป็นปัจจัย จึงมี    สังขารทั้งหลาย.

 เพราะมีสังขาร         เป็นปัจจัย จึงมี    วิญญาณ;

 เพราะมีวิญญาณ      เป็นปัจจัย จึงมี    นามรูป;

 เพราะมีนามรูป        เป็นปัจจัย จึงมี    สฬายตนะ;

 เพราะมีสฬายตนะ    เป็นปัจจัย จึงมี    ผัสสะ;

 เพราะมีผัสสะ         เป็นปัจจัย จึงมี    เวทนา;

 เพราะมีเวทนา         เป็นปัจจัย จึงมี    ตัณหา;

 เพราะมีตัณหา         เป็นปัจจัย จึงมี    อุปาทาน;

 เพราะมีอุปาทาน      เป็นปัจจัย จึงมี    ภพ;

 เพราะมีภพ            เป็นปัจจัย จึงมี    ชาติ;

 เพราะมีชาติ เป็นปัจจัย, ชรามรณ ะ โสกะปริเวทะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน : ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ! นี้เรียกว่า ปฏิจจสมุปบาท.

 

 เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือ แห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว, จึงมีความดับแห่งสังขาร;

 เพราะมีความดับ แห่งสังขาร       จึงมีความดับ แห่งวิญญาณ;

 เพราะมีความดับ แห่งวิญญาณ    จึงมีความดับ แห่งนามรูป;

 เพราะมีความดับ แห่งนามรูป      จึงมีความดับ แห่งสฬายตนะ;

 เพราะมีความดับ แห่งสฬายตนะ จึงมีความดับ แห่งผัสสะ;

 เพราะมีความดับ แห่งผัสสะ       จึงมีความดับ แห่งเวทนา;

 เพราะมีความดับ แห่งเวทนา       จึงมีความดับ แห่งตัณหา;

 เพราะมีความดับ แห่งตัณหา      จึงมีความดับ แห่งอุปาทาน;

 เพราะมีความดับ แห่งอุปาทาน    จึงมีความดับ แห่งภพ;

 เพราะมีความดับ แห่งภพ          จึงมีความดับ แห่งชาติ;

 เพราะมีความดับ แห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสทั้งหลาย จึงดับสิ้น : ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้”, ดังนี้.

 

ปฏิจจสมุปบาทจากพระโอษฐ์ หน้า ๑๑

 (ภาษาไทย) นิทาน. สํ. ๑๖// : คลิกดูพระสูตร

 

 
Today239
Yesterday408
This week2026
This month7057
Total2365051

Who Is Online

23
Online