Buddhawajana FAQ

Thai (th)English (UK)

ฌาน และ ญาณ ต่างกันอย่างไร

ให้เรตสมาชิก
ไม่ดีดี 

 

วิดีโอ

 

บรรยายธรรมโดย พระอาจารย์ คึกฤทธิ์ โสตฺถิผโล

 วัดนาป่าพง ลำลูกกา คลอง ๑๐ ปทุมธานี

 ดาวน์โหลด : mp4 , mp3


พระสูตรที่เกี่ยวข้อง

 ฌานที่มีสัญญา เป็นฐานของการวิปัสสนาญาณ

 

ภิกษุทั้งหลาย ! เรากล่าวความสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย

เพราะอาศัย     ปฐมฌานบ้าง เพราะอาศัย   ทุติยฌานบ้าง เพราะอาศัย   ตติยฌานบ้าง เพราะอาศัย   จตุตถฌานบ้าง เพราะอาศัย   อากาสนัญจายตนบ้าง เพราะอาศัย    เนวสัญญานาสัญญายตนบ้าง.

อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๙๑๑

(ภาษาไทย) นวก. อํ. ๒๓/๓๔๑/๒๔๐. : คลิกดูพระสูตร

 

สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง

 

ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง หรือว่าญาณเกิดก่อน สัญญาเกิดทีหลัง หรือทั้งสัญญาและญาณเกิดไม่ก่อนไม่หลังกัน. พระเจ้าข้า ? ”

 

ดูกรโปฏฐปาทะ ! สัญญาแลเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้นญาณจึงเกิดขึ้น เธอย่อมรู้อย่างนี้ว่า ญาณเกิดขึ้นแก่เราเพราะสัญญานี้เป็นปัจจัย

 

ดูกรโปฏฐปาทะ ! เธอพึงทราบความข้อนี้โดยบรรยายนี้ว่า สัญญาเกิดก่อน ญาณเกิดทีหลัง เพราะสัญญาเกิดขึ้น ฌาณจึงเกิดขึ้น.

 

(ภาษาไทย) สี. ที. ๙/๒๖๘/๒๘๘. : คลิกดูพระสูตร

 

ญาณมีได้เฉพาะผู้มีจิตตั้งมั่นในสมาธิ

ภิกษุทั้งหลาย ! ในบรรดาตถาคตพลญาณ ๖ ประการนี้

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในสิ่งซึ่งฐานะโดยความเป็นฐานะ และสิ่งซึ่งอฐานะโดยความเป็นอฐานะ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในสิ่งซึ่งเป็นวิบากโดยฐานะเป็นเหตุ ของกัมสมาทาน อันเป็นอดีต อนาคตและปัจจุบันว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในความเศร้าหมอง ความผ่องแผ้ว ความออกแห่งฌาน วิโมกข์สมาธิ และสมาบัติ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในปุพเพนิวาสานุสติ ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในการจุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

เรากล่าว ยถาภูตญาณ ในการสิ้นไปแห่งอาสวะทั้งหลาย ว่าญาณนั้นมีได้สำหรับผู้มีจิตตั้งมั่นเป็นสมาธิ ไม่ใช่สำหรับผู้มีจิตไม่ตั้งมั่น

ภิกษุทั้งหลาย ! ด้วยอาการอย่างนี้แล สมาธิเป็นมรรค(แท้) ส่วนอสมาธิเป็นมรรคลวง (ภิกฺขเว สมาธิ มคฺโค อสมาธิ กุมฺมคฺโคติ)

 อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคปลาย หน้า ๑๓๔๙

(ภาษาไทย) ฉกฺก. อํ. ๒๒/๓๗๐/๓๓๕. : คลิกดูพระสูตร

ญาณทัสสนะเกิด เมื่อไม่ประมาท

ภิกษุทั้งหลาย ! ในกรณีนี้ กุลบุตรบางคน มีศรัทธา ออกบวชจากเรือน ไม่เกี่ยวข้องด้วยเรือน เพราะคิดเห็นว่า เราเป็นผู้ถูก ชาติ ชรา มรณะ โสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส อุปายาส ครอบงำแล้ว เป็นคนตกอยู่ในกองทุกข์ มีทุกข์อยู่เฉพาะหน้าแล้ว ทำไฉนการทำที่สุดแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ จะปรากฏมีได้ดังนี้. ครั้นบวชแล้ว

เธอสามารถทำลาภสักการะและเสียงเยินยอที่เกิดขึ้นได้ ไม่ถึงความประมาทในลาภสักการะและเสียงเยินยอนั้น เมื่อไม่ประมาทแล้ว

เธอให้ถึงความพร้อมด้วยศีลเกิดขึ้นได้ ไม่ถึงความประมาทในความพร้อมด้วยศีลนั้นเมื่อไม่ประมาทแล้ว

เธอให้ถึงความพร้อมด้วยสมาธิเกิดขึ้นได้ ไม่ถึงความประมาทในความพร้อมด้วยสมาธินั้น เมื่อไม่ประมาทแล้ว

เธอให้ญาณทัสสนะ (ปัญญาเครื่องรู้เห็น) เกิดขึ้นได้ ไม่ถึงความประมาทในญาณทัสสนะ นั้น  เมื่อไม่ประมาทแล้ว

เธอให้ สมยวิโมกข์(ความพ้นวิเศษโดยสมัย) เกิดขึ้นได้อีก.

 อริยสัจจากพระโอษฐ์ ภาคต้น หน้า ๔๘๗

(ภาษาไทย) มู. . ๑๒/๒๖๑/๓๕๑. : คลิกดูพระสูตร

 

 
Today9
Yesterday583
This week2947
This month7978
Total2365972

Who Is Online

9
Online